ประเพณี พิธีกรรมชุมชนชาติพันธุ์ปกาเกอะญอบ้านห้วยบง

ชุมชนชาติพันธุ์ปกาเกอะญอบ้านห้วยบง ตำบลวัดจันทร์ อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่

1. ประเพณีวันขึ้นปีใหม่ ปกาเกอะญอเรียกว่า “หนี่ซอโข่” ประเพณีขึ้นปีใหม่คือการเปิดหน้างานใหม่ หากไม่มีประเพณีนี้ถือว่ายังลงมือทำไร่ไม่ได้ หากทำไปก่อนถือว่าไม่ดี ไม่เคารพสถานที่ ข้าวที่ปลูกจะไม่ได้ผลผลิต ประเพณีขึ้นปีใหม่จะมีราวต้นเดือนกุมภาพันธ์แต่ละปีจะไม่ตรงกัน คลาดเคลื่อนเล็กน้อยเพราะถือเวลาจากดวงเดือน ก่อนจะถึงวันขึ้นปีใหม่ 2 วัน แม่บ้านทุกบ้านจะต้มเหล้าไว้ทำพิธีผูกข้อมือ พ่อบ้านจะไปหาใบไม้ห่อข้าวเหนียวและปล้องไม้ไผ่เพื่อทำข้าวหลามนอกจากนี้จะมีข้าวปุ๊ก โดยนำข้าวเหนียวมาตำพร้อมกับงาทำแผ่น ตอนเช้าของวันใหม่แต่ละครอบครัวจะทำพิธีผู้ข้อมือซึ่งจะทำกันเองภายในครอบครัว ตอนสายๆ หลังจากทำพิธีผูกมือของแต่ละครอบครัวเสร็จแล้วทุกคนจะร่วมกันรดน้ำดำหัว “ฮี่โข่” ผู้นำหมู่บ้านและบรรดาอาวุโสในหมู่บ้านจากนั้นจะไปรวมกันที่บ้านผู้นำหมู่บ้าน เพื่อไปร่วมพิธี “แควะซิ” หรือดื่มหัวเหล้า เพราะผู้อาวุโสจะต้องทำพิธีนี้ก่อนลูกหลานทั้งหลายเมื่อถึงเวลาผู้นำหมู่บ้านจะรินเหล้าลงไปที่โคนต้นเสานิดหนึ่ง พร้อมอธิฐานว่า “ซอจา……เจ้าแห่งตะวันตก เจ้าแห่งตะวันออก เจ้าแห่งทิศเหนือ เจ้าแห่งทิศใต้ เจ้าแห่งทิศทั้งเจ็ด แผ่นดินเจ็ดแถวดูแลปกป้องให้ทั่ว ดูแลกลางวันจนถึงกลางคืน ดูแลกลางคืนจนถึงกลางวัน กลางคืนอย่าเผลอหลับ กลางวันอย่าเผลอสัปหงก หูข้าตึงไม่ได้ยิน ข้าตาบอดมองไม่เห็น จูงมือเรา โปรดดูดแลลูกหลานให้ทุกผู้ทุกคนเทอญ” เป็นคำกล่าวเพื่อขอให้อำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยดูแลให้มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์
2. ประเพณีผูกข้อมือ การผูกข้อมือเป็นการเรียกขวัญตามความเชื่อของชาวปกาเกอะญอที่มนุษย์เราเมื่อเกิดมาจะมีขวัญเป็นแกนหลักของชีวิต คนเราจะมีขวัญในตัว 37 ขวัญและมีความเชื่อเรื่องขวัญคล้ายๆกับคนกลุ่มชาติพันธุ์ไตว่าไม่ว่าจะเป็นคนพืช สัตว์หรือสิ่งของต่างมีขวัญทั้งสิ้นขวัญเป็นพลังของชีวิตเปรียบเสมือนเป็นแก่นหรือแกนกลางของชีวิตถ้าหากขวัญหายหรือเสียขวัญไปจะทำให้เสียสมดุลต่างๆ ในชีวิตดังนั้นจึงมีประเพณีที่เกี่ยวข้องกับขวัญหรือทำพิธีเรียกขวัญ โดยการผูกข้อมือเรียกขวัญ ไม่ว่าจะเรียกขวัญของคน ข้าว หรือสัตว์เลี้ยง ขวัญบ้านขวัญเมืองเชื่อว่าชีวิตจะมีความผาสุกและเจริญรุ่งเรืองเมื่อขวัญได้รับการดูแลใส่ใจ ชาวปกาเกอะญอมีวิธีคิดและ โลกทัศน์ว่าธรรมชาติ เช่น แผ่นดินและแม่น้ำล้วนมี “เจ้าของ” ทั้งสิ้น มนุษย์เป็นเพียงผู้เข้ามาใช้และเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติเท่านั้น และไม่มีการแยก กายภาพ ออกจาก “จิตวิญญาณ” หรือ “ขวัญ” ของสิ่งใดสิ่งหนึ่งในธรรมชาติ ฉะนั้นคำว่า “ธรรมชาติ” นั้นจึงมีจิตวิญญาณคุ้มครองอยู่ มีชีวิตและมีคุณค่าในตัวเอง มนุษย์ไม่สามารถไปครอบครองได้ แต่อาจขอใช้ได้ ดังนั้นความเคารพจึงเป็นหัวใจสำคัญของระบบความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ โลกทัศน์ดังกล่าวครอบคลุมถึงจริยธรรมที่ชาวปกาเกอะญอใช้ในการดำเนินชีวิตอีกด้วย จึงไม่ได้แยกระบบจริยธรรมออกเป็นส่วนๆ ว่าส่วนใดเป็นส่วนผลิตหรือส่วนของการบริโภคและดำเนินชีวิต

ประเพณีผูกข้อมือเรียกขวัญ หรือ การกี่จึ๊ จึงมีความหมายว่าการมัดมือหรือผูกข้อมือ พิธีกรรมนี้หมายถึง การสร้างขวัญและกำลังหรือการให้ขวัญมาอยู่กับตัวเรา รวมไปถึงการแสดงความเคารพต่อผู้ที่มีพระคุณของชาวปกาเกอะญอนั้นเป็นประเพณีที่ถือปฏิบัติสืบต่อกันเป็นเวลาช้านานจากบรรพบุรุษ โดยการเรียกขวัญที่ต้องทำพิธีกรรมพร้อมกันทั้งหมู่บ้านในปีหนึ่งจะมี 2 ครั้ง ครั้งแรกอยู่ระหว่างเดือนมกราคม–เดือนกุมภาพันธ์ ครั้งที่ 2 อยู่ประมาณเดือนกรกฎาคม–เดือนสิงหาคม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการประกอบอาชีพในไร่นาของสมาชิกในหมู่บ้าน โดยผู้นำชุมชนที่สืบทอดมาตามบรรพบุรุษหรือฮีโข่ จะคอยดูสมาชิกในหมู่บ้านว่าถ้ามีพิธีกรรมในชุมชน เช่น พิธีแต่งงาน งานศพ เป็นต้น หากมีในเดือนที่ต้องทำพิธีผูกข้อมือก็ต้องเลื่อนไปเป็นเดือนถัดไป พิธีการผูกข้อมือครั้งแรกนั้นเป็นการผูกข้อมือปีใหม่ของชาวปกาเกอะญอ “กี่จึ๊หนี่ถ่อซอ” มีขึ้นประมาณเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงเริ่มฤดูกาลทำงานในไร่นาของหมู่บ้าน ก็จะมีการขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่เจ้าป่าเจ้าเขา ให้ลงมาดูแลปกป้อง คนในหมู่บ้านให้สุขสบายไร้โรคภัย และให้ประสบความสำเร็จได้ผลดีในการทำมาหากินโดยให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคอยช่วยดูแล ส่วนครั้งที่ 2 เป็นการผูกข้อมือ ในช่วงเดือนกรกฎาคม หรือ สิงหาคม เป็นช่วงที่ชาวบ้านปลูกข้าวในไร่นาเสร็จแล้ว ต้นข้าวก็โตขึ้นสมบูรณ์แล้ว ได้ทำพิธีเลี้ยงผีไร่ผีนาเสร็จแล้ว จะมีการผูกข้อมือเรียกขวัญทั้งหมู่บ้าน เพื่อเป็นการพักผ่อนกายจิตที่เหนื่อยจากการทำงานและเป็นการขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่เจ้าป่าเจ้าเขา