ปอยเหลินสิบเอ็ด ประเพณีพิธีกรรม ชุมชนชาติพันธุ์ไทใหญ่บ้านปางหมู
ชุมชนชาติพันธุ์ไตใหญ่บ้านปางหมู ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ตุงตำข่อน ถวายเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้วายชนม์ และ ตุงที่ใช้งานปอยปีใหม่
“ปอยเหลินสิบเอ็ด” ในวัฒนธรรมไตใหญ่จะมีกิจกรรมประเพณีพิธีกรรมในแต่ละเดือน โดยปอยเหลินสิบเอ็ดถือว่าเป็นงานประเพณีที่สำคัญมากประเพณีหนึ่งของชาวไตใหญ่ ในเดือน 11 ชาวไตใหญ่มีการทำบุญให้ผู้วายชนม์ “แฮนซอมโก๋จา” ตรงกับเดือนตุลาคม เป็นเดือนที่ชาวไตพากันจัดงานประเพณีเป็น 2 ช่วง ดังนี้ ช่วงแรก เริ่มตั้งแต่วันขึ้น 1-15 ค่ำ เดือน 11 เป็นงานทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้วายชนม์ที่เสียชีวิตในรอบปีที่ผ่านมาอีกครั้งหนึ่ง เรียกว่า “แฮนซอมโก๋จา” ภายหลังจากการ “แฮนซอมใจ๋ขาด” ซึ่งจัดไปแล้วใน 7 วันนับจากวันที่เสียชีวิต จัดโดยสามี ภรรยา และบุตรหลาน ตลอดจนญาติอื่นๆ ถือว่าเป็นการแสดงถึงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้วายชนม์ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการแฮนซอมอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้วายชนม์จะได้ “อานิสงส์” ทั้งผู้ทำและผู้วายชนม์ โดยผู้ทำจะได้ “บุญ” ส่วนผู้วายชนม์จะได้ “อานิสงส์จากการทำบุญ” หากตกอยู่ในอบายภูมิก็จะได้พ้นจากทุกขเวทนาจากการเป็นเปรตและสัตว์นรกเนื่องจากผู้ทำจะถวาย “ลีกซุตตะ” ตำข่อน จะทำจากกระดาษ ผ้า ไม้ ด้าย กระจก สังกะสีฉลุเป็นลวดลาย มีชื่อเรียกต่างๆ ดังนี้ ตุงนางผาน (ตุงคนจน) จะทำแบบง่ายๆ โดยการตัดกระดาษเป็นแผ่นยาวๆ ตอนท้ายระบุชื่อผู้อุทิศส่วนกุศลและชื่อผู้วายชนม์ แขวนห้อยติดไม้โค้งยาว ข้างบนจะมีถุงกระดาษทำเป็นย่ามข้างในใส่หมากพลู บุหรี่ อาหารให้ผู้วายชนม์ ตำข่อนนากกา (ตุงพญานาค) ทำจากกระดาษหรือผ้าม้วนกลมยาวคล้ายตัวพญานาค ข้างบนมีไม้แกะสลักเป็นรูปนก ส่วนปลายใช้ด้ายถักเป็นรูปตะกร้อ เกล็ดเต่า ไม้โค้ง และพู่ห้อยระย้า ตอนท้ายระบุชื่อผู้อุทิศส่วนกุศลและชื่อผู้วายชนม์ ตำข่อนไม้ จะจ้างช่างฝีมือทำเป็นตำข่อนไม้แกะสลัก ตกแต่งลวดลายด้วยกระจก ซึ่งจะพบเห็นได้มากตามวัดต่างๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ข้างบนมีรูปนกที่ฐานมักมีเรือ ซึ่งมีความหมายว่าให้ผู้วายชนม์อาศัยเรือข้ามพ้นจากวัฏฏะสงสารให้ถึงพระนิพพานอันเป็นอมตะ ช่วงที่สอง ตั้งแต่วันขึ้น 15 ค่ำ–วันแรม 14 หรือ 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นประเพณี “ปอยเหลินสิบเอ็ด” (งานเทศกาลออกพรรษา) จะมีการยกจองพรา (ปราสาทรับเสด็จพระพุทธเจ้า) ชาวไตมักเรียกว่า “กยฺองเข่งปุ้ด” (จองเข่งปุ้ด) เพื่อรับเสด็จพระพุทธเจ้า ในช่วงนี้จะมีการร่ายรำกิ่งกะหร่า นางนก สัตว์ในป่าหิมพานต์จำพวกโต กวาง ช้าง ม้า ผีเสื้อ พญานาค ผีลู ผีพาย ฯลฯ โดยจะมีการถวายเทียน 1,000 เล่ม ที่เรียกว่า เตนเหง ทำประทีปโคมไฟประเภทต่างๆ สว่างไสวตามวัดและจองพรา สมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้าให้แสงสว่างตามถนนหนทางก็จะมีการจุดคบไฟที่ทำจากไม้สน {เกี๊ยะ = ล้านนา/ แปก = (ไตใหญ่)} ตามถนนหนทาง ตอนสุดท้ายเทศกาลจะมีประเพณีการ “หลู่เตนเหง” (เทียน 1,000 เล่ม) เป็นการถวายต้นเทียนขนาดใหญ่ (ทำจากไม้สนหรือเกี๊ยะเช่นเดียวกับคบไฟแต่มีขนาดใหญ่มาก) เนื่องจากต้นเทียนนี้ทำจากไม้สนซึ่งคนไตเรียกว่า “แปก” จึงมีผู้เรียกว่า “ต้นแปก” ถวายเป็นพุทธบูชา เป็นประเพณีที่ชาวแม่ฮ่องสอนถือปฏิบัติกันมาเป็นประจำทุกปี โดยชาวจะไปหาต้นสนมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วมัดรวมกันเป็นต้นขนาดใหญ่สูงประมาณ 3–5 เมตร มาตั้งไว้ในบริเวณวัดและจัดงานเฉลิมฉลองพร้อมทั้งจุดไฟที่ต้นสนให้ลุกโชติช่วงอยู่ตลอดเวลาเพื่อเป็นพุทธบูชาจนกว่าไฟจะไหม้ต้นสนหมด เป็นบูชาแด่พระพุทธศาสนา นอกจากนี้ก็จะมีการ “ก้าแลว” (รำดาบ) “ก้าลาย” (การฟ้อนรำที่ประยุกต์จากลีลาการต่อสู้หรือป้องกันตัวด้วยมือเปล่า) และมีการร้องรำทำเพลงที่เรียกว่า “เฮดกวาม” (เพลงพื้นบ้าน) ใช้ร้องประกอบการแสดงศิลปการแสดงนาฏศิลป์พื้นบ้าน มีการทำขนมเทียน เรียกว่า “เข้ามูนห่อ” ขนมสอดไส้ เรียกว่า “เข้ามูนจ๊อก” ขนมกะทิ เข้าโค้บ (ข้าวเกรียบว่าว) เข้าปองต่อ (ใช้แป้งแบบข้าวเกรียบว่าวแต่ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ กว้างยาวประมาณ 1 x 4 เซนติเมตร แล้วนำไปคั่วด้วยไฟอ่อนๆ จนแป้งสุกและพองตัวคล้ายๆ ขนมกรอบกรุบที่บรรจุถุงขายในปัจจุบันนั่นเอง) เพื่อนำไปถวายวัด ทำทานเพื่อนบ้าน และนำไปใช้ในการ “กั๋นตอ” (ขอขมา) บิดามารดาทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์และอาหารคาวหวาน ขอขมาพระสงฆ์ ตลอดจนถึงญาติผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพนับถืออื่น อีกด้วย ปิดเทศกาลเดือน 11 จะมีการจุดต้นเตนหรือแปก (สนหรือเกี๊ยะ) เรียกว่า “ปอยอ่องกยฺอด” เพื่อฉลองความสำเร็จของประเพณีเดือน 11 (อ่อง แปลว่า สำเร็จ) งานนี้บางทีก็เรียกว่า “ปอยก๋อยกยฺอด” (แปลว่าจบงาน)