วัฒนธรรมอาหารที่โดดเด่นของชาติพันธุ์กะเหรี่ยง
ชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย
อาหาร ในชีวิตประจำวันของชาวกะเหรี่ยงในอดีตคือข้าวกับพริกและเกลือ ชาวกะเหรี่ยงนิยมบริโภคอาหารที่มีรสเผ็ดจัด เช่น น้ำพริก แกงเผ็ด แกงส้ม ชาวกะเหรี่ยงจะปลูกพริกไว้ตามไร่สำหรับไว้กินเอง และพริกของชาวกะเหรี่ยง จะขึ้นชื่อในความเผ็ดร้อนกว่าพริกไหนๆ เครื่องแกงหลักประกอบด้วย พริก ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กะปิ (ปลาร้า) ตำให้เข้ากัน แต่ถ้าเป็นแกงเผ็ดจะใช้เนื้อสัตว์กับมะเขือเป็นส่วนประกอบ เนื้อสัตว์ที่ใช้ในการปรุงอาหารจะเป็นจำพวกสัตว์ที่ล่าได้จากป่า เช่น เก้ง กวาง ค่าง กระต่าย แย้ ฯลฯ ถ้าเป็นแกงส้มก็ใช้เครื่องแกงเดียวกัน แต่ไม่นิยมใส่เนื้อสัตว์ แต่ใช้ผักที่มีรสเปรี้ยว ได้แก่ ใบกระเจี๊ยบป่า มะเขือส้ม ฯลฯ เพื่อช่วยในการปรุงรสอาหาร ส่วนน้ำพริกของคนกะเหรี่ยงมีปลาร้าหรือคนกะเหรี่ยงเรียกว่ากะปิ เป็นเครื่องปรุงสำคัญ นำมาตำกับพริกปรุงรสด้วยเกลือ กินกับผักสด ผักต้ม หรือผักเสี้ยนดอง อาหารของชาวกะเหรี่ยงจะไม่ปรุงรสหวาน เพราะไม่มีน้ำตาลใช้ ชาวกะเหรี่ยงจะกินผลไม้ที่ปลูกอยู่ในสวนภายในบ้านหรือที่มีอยู่ตามไร่ เช่น กล้วย อ้อย ส้มโอ ฯลฯ ส่วนขนมหวานของชาวกะเหรี่ยงจะมีเพียงข้าวห่อที่กินเฉพาะในงานพิธีเรียกขวัญของชาวกะเหรี่ยง หรือที่เรียกว่าประเพณีกินข้าวห่อ เท่านั้น ข้าวห่อของชาวกะเหรี่ยงจะเป็นข้าวเหนียวนำมาห่อด้วยใบตองหรือใบไผ่ให้เป็นรูปสามเหลี่ยมทรงกรวย นำไปต้มให้สุก เวลากินจะจิ้มกินกับน้ำผึ้งเท่านั้น แต่ในปัจจุบันจะประยุกต์กินจิ้มกับมะพร้าวเคี่ยวกับน้ำตาลคล้ายหน้ากะฉีกของคนไทยแทน
อาหารประจำวันของชาวกะเหรี่ยงเป็นอาหารที่ปรุงรสเผ็ด เช่น ลาบพริกสมุนไพร หลามปลา โดยใส่ปลาในกระบอกไม้ไผ่แล้วมาเผา และยำปลา และเมนูที่เป็นอาหารทางวัฒนธรรมที่สำคัญคือ แกงข้าวเบ้อะ นิยมทำรับประทานในช่วงเทศกาลปีใหม่ คริตส์มาส ดยแกงข้าวเบ๊อะ หรือ “ต่าพอเผาะ” เป็นอาหารที่มีประวัติเล่ากันว่า วันหนึ่งมีข้าวสารเหลืออยู่น้อยมาก เกรงว่าจะไม่พอกินกันจนครบคน จึงใช้วิธีการไปเก็บเอาผักสารพัดชนิดที่มีอยู่ในสวนมาปรุงรวมกับข้าวที่ เหลือน้อยนิดนั้น ผลปรากฏว่าอาหารมื้อนั้นทำให้อิ่มกันทุกคนจึงเป็นที่มาของคำว่า “ต่าพอเผาะ” (ข้าวเบ๊อะ) ซึ่งมีความสำคัญต่อจิตใจในทุกครั้งที่มีงานสำคัญ เช่น ปีใหม่ พิธีเรียกขวัญ ทำบุญต่างๆ ของชาวกะเหรี่ยงที่มักจะมี “ต่าพอเผาะ” (ข้าวเบ๊อะ) เป็นองค์ประกอบของอาหารมื้อดังกล่าวเสมอ ทั้งนี้ “ต่าพอเผาะ” (ข้าวเบ๊อะ) นิยมทานเป็นอาหารเช้ามากกว่าอาหารมื้ออื่นๆ ส่วนประกอบของ “ต่าพอเผาะ” (ข้าวเบ๊อะ) นั้นขึ้นกับวัสดุที่มีอยู่กล่าวโดยสรุปคือ มีข้าว ผักต่างๆ และเนื้อสัตว์ มาต้มจนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
วัสดุในนการประกอบและปรุงข้าวเบ๊อะนั้นจะเตรียมนำเอาข้าวสาร ประมาณ 1 กำมือ เนื้อหรือกระดูกหมู ผักชนิดต่างๆ เช่น ยอดฝักทอง และอื่นๆ เครื่องปรุงต่างๆ เช่น เกลือ พริก ต้นหอม ผักชี เส่อหลื่อส่า(ผลตะไคร้ต้น) และอื่นๆ ตามที่ชอบ จากนั้นนำมาปรุง
ขั้นตอนในการประกอบอาหารดังนี้
1.นำน้ำสะอาดเทลงหม้อแล้วต้มในเตาไฟให้เดือด
2.นำข้าวสารใส่ลงหม้อที่ตั้งไว้ ปล่อยทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง
3.นำกระดูกหมูเทตามลงไป รอจนกว่าข้าวสารและเนื้อจะเปื่อย
4.นำยอดผักที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในหม้อข้าวสารและเนื้อ คอยทำการคนเป็นระยะๆ กับควบคุมความร้อนให้ได้ระดับ ระวังอย่าให้ไหม้ก้นหม้อ
5.ใส่เครื่องปรุงต่างๆ ตามลงไปในหม้อ ต้มและคอยคนให้เข้ากันจนข้นเป็นเนื้อเดียวกัน
6.ตักข้าวเบ๊อะใส่จานแล้วรับประทานได้เลย
การทำข้าวเบ๊อะหรือ “ต่าพอเผาะ” สามารถทำเมื่อใดก็ได้ แต่ชาวกะเหรี่ยงส่วนใหญ่จะนิยมทำตอนที่มีพิธีกรรมในชุมชนหรือในครอบครัว กับทำเมื่อมีแขกมาเยี่ยมบ้าน เพื่อเลี้ยงแขก อย่างไรก็ตาม “ต่าพอเผาะ” นิยมทานตอนเช้าเพราะเป็นช่วงที่มีเวลาทำกับข้าวมาก นอกจากอร่อยแล้วยังมีความเชื่อว่าแกงข้าวเบอะนี้จะเพิ่มสารอาหารให้ร่างกายด้วย